รีวิว DevilMan Crybaby Netflix
รีวิว DevilMan Crybaby Netflix ข้อมูลทั่วไป
สไตล์แอนิเมชั่นของ “Devilman Crybaby” นั้นแตกต่างและไม่เหมือนใคร เป็นการผสมผสานแอนิเมชั่น 2 มิติแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคนิคภาพล้ำยุค ทำให้เกิดลำดับไดนามิกและโดดเด่นทางสายตา การกำกับศิลป์และการใช้สีมีส่วนทำให้บรรยากาศโดยรวมของซีรีส์ดูมืดมนและเหนือจริง
เรื่องย่อ
อากิระตกลงที่จะรวมร่างกับปีศาจชื่อ Amon จึงกลายเป็น Devilman ด้วยพลังปีศาจที่เพิ่งค้นพบและความสามารถในการรักษาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์ อากิระจึงเริ่มต้นการเดินทางเพื่อปกป้องมนุษยชาติจากการรุกรานของปีศาจที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในขณะที่เรื่องราวดำเนินไป อากิระได้พบกับปีศาจต่างๆ และได้เห็นด้านมืดและความบิดเบี้ยวของธรรมชาติมนุษย์ เขาเผชิญกับการเลือกปฏิบัติ ความรุนแรง และการหักหลัง ทั้งหมดนี้ต้องดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นมนุษย์ ความภักดีของอากิระที่มีต่อเพื่อน ๆ และความมุ่งมั่นที่จะช่วยทั้งมนุษย์และปีศาจจากการถูกทำลายล้างร่วมกันคือประเด็นหลักของซีรีส์นี้
เนื้อเรื่อง
เหมือนด่ำดิ่งไปในใต้น้ำที่ลึกไปเรื่อยๆ ด่ำดิ่งไปกับความเห็นแก่ตัวในมนุษย์ที่คิดแต่ให้ชีวิตตัวเองรอดแม้จะแลกด้วยชีวิตของคนอื่นก็ตาม สิ่งใดที่เหมือนเป็นภัยร้ายจะต้องถูกกำจัดทิ้งเหมือนได้ย้อนไปสมัยล่าแม่มดอีกครั้งหนึ่ง แต่เนื้อหาความรุนแรงของ เดวิลแมน ครายเบบี้ ทั้งเนื้อหาและภาพที่สื่อค่อนข้างเบากว่าเวอร์ชั่นเก่ามากพอสมควรเนื่องจากลง เน็ตฟลิกซ์ เลยต้องปรับเนื้อหาให้เบาลง
แต่จะมีลูกเล่นอย่างอื่นที่จะมาเล่นกับความรู้สึกกับความผูกผันของตัวละครแทน ส่วนนิสัยตัวละครเรื่องนี้ค่อนข้างแบ่งกันชัดเจน มีตัวละครที่คิดแบบโลกสดใส เทา และความเป็นจริง อย่างเช่น อากิระ จะเป็นตัวละครสไตล์พระเอกเลยเรียนรู้ไปเรื่อยๆและพบกับความจริงที่โหดร้าย
ทำให้ตัวเองต้องเปลี่ยนแปลงไป, มิกิ จะเป็นคนคิดแง่บวกไปหมด เป็นตัวละครตัวเดียวที่เป็นคนประเภทนี้เลยก็ว่าได้จากเรื่องนี้ และ เรียว มองโลกตามความเป็นจริงในเรื่องนี้ เรียว เรียกได้ว่ามองตามความเป็นจริงสุดแล้วเป็นตัวละครที่มีแผนมาตั้งแต่ต้นยันจบเลย ซึ่งเรื่องคาแรคเตอร์นี้แหละที่ทำให้เรื่องนี้มันสนุก ได้ลุ้นไปกับตัวละคร และอยากเอาใจช่วยไปกับเหล่าตัวละคร
จากเนื้อหาที่ถูกตัดค่อนข้างเยอะและทำให้กระชับขึ้น การเล่าเรื่องความผูกผันของตัวละครบางตัวที่น้อยเกินไปทำให้ผู้ชมอาจจะไม่ได้มีความสนใจมากพอให้เราผูกผันไปด้วยกับ 10 ตอนที่อนิเมะเรื่องนี้ได้นำเสนอ และการเล่าเรื่องบางอย่างดูเร็วไปหมดในบางฉากอาจจะทำให้ไม่ค่อยหวือหวาเท่าที่ควรสักเท่าไหร่ ตัวร้ายที่ไม่มีความน่าจดจำเลยทั้งที่มันเหมือนจะมีปมเกี่ยวกับตัวเอกแต่ใช้แล้วทิ้ง
และประเด็นบางอย่างในเรื่องที่ยังไม่เปิดเผยที่มาและอดีตของ อาม่อน ส่วนถ้ามีจำนวนตอนที่มากกว่านี้และเก็บลายละเอียดพวกนี้หมดละก็บอกได้เลยว่ามัดใจคนดูส่วนใหญ่ได้อย่างแน่นอน ส่วนถ้าใครอยากติดตามแบบต้นฉบับควรติดตามจากมังงะได้เลย ซึ่งปัจจุบันอาจจะหนังสือหายากแล้ว และลิขสิทธิ์ในเมืองไทยก็ยังไม่มีอีกด้วย
มีแค่ค่ายพิมพ์เถื่อนในสมัยก่อนที่นำมาทำ ส่วนสไตล์งานภาพแตกต่างจากต้นฉบับอย่างแน่นอนเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยใหม่และมีความโหดดิบมากขึ้น ปีศาจที่โผล่ออกมามีความน่าเกลียดน่ากลัวอย่างชัดเจน บวกกับงานภาพแนวนี้ที่เข้ากับตัวปีศาจบอกเลยว่าน่ากลัวมากๆ ถึงงานมันจะเผาบ้างก็เถอะตามสไตล์เมะญี่ปุ่นที่ต้องมีกัน
โดยรวมๆเรื่องนี้ถ้าใครต้องความดิบเถื่อนไม่สนใจอะไรก็ควรมาดูเลย มันดีมากๆถึงแม้อาจจะไม่ได้ดีที่สุดก็ตาม ทั้งภาพ ทั้งฉาก และเนื้อหา เมะแนวนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆกันนะ ส่วนถ้าใครอินตามเรื่องมันจะหดหู่พอสมควรในหลายๆฉาก ส่วนคนที่ไม่ต้องการแนวนี้หรือเครียดจากงานมีภาวะทางจิตใจควรเลี่ยงเรื่องนี้เลย เพราะมันจะทำให้จิตตกได้ทั้งเรื่อง เลยไม่แนะนำให้ดูเรื่องนี้เลย
ความรู้สึกหลังดู
ภายใต้ความรุนแรงเลือดสาดของอนิเมะชิ้นนี้ สิ่งที่ผู้สร้างอยากจะสื่อกับคนดูคือ บรรยากาศความ “เทา ๆ” ของตัวละคร ในยุค 70 ที่เดวิลแมนเวอร์ชั่นต้นฉบับถูกทำออกมาส่วนใหญ่แล้วจะพูดถึงตัวเอกที่ขาวสะอาด และตัวร้ายที่ดำมืด แต่เดวิลแมนได้นำเสนอภาพของตัวเอกที่เป็นปีศาจดิบเถื่อนโหดร้าย และตัวร้ายที่ขาวสะอาดงดงาม อาจจะเรียกได้ว่าเป็น antihero ยุคแรก ๆ ที่เป็นแรกบันดาลใจให้กับอนิเมะในยุดถัดๆมาอย่าง Berserk ที่มีคอนเซ็ปท์คล้ายๆกัน
ตัวบทแสดงให้เห็นถึงมุมอื่นๆของตัวละครที่มีทั้งดีและร้ายในตัวเอง และต่างขับเคลื่อนด้วยความสัญชาติญาณส่วนตัวทั้งสิ้น หนึ่งในฉากสะเทือนใจคือ ตอนที่ทาโรน้องชายของมิกิที่กลายเป็นปีศาจเต็มตัวกำลังกินแม่ของตัวเอง และพ่อมาพบเข้าตัว ทาโรเองก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไปไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่สามารถห้ามสัญชาติญาณอยากกินมนุษย์ของตัวเองได้
สุดท้ายแล้วทุกคนไม่มีดีมีจะดีหรือจะเลวไปทั้งหมด และปีศาจก็มีหัวใจเช่นเดียวกับคนทั่วไป
รีวิว DevilMan Crybaby Netflix ความประทับใจ
ในด้านการพัฒนาตัวละคร ตัวเอกหลัก อากิระ ฟูโดะ ได้รับการพัฒนาตัวละครอย่างมากตลอดทั้งซีรีส์ ในฐานะเดวิลแมน เขาพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาความเป็นมนุษย์และต่อสู้กับผลกระทบทางศีลธรรมจากการกระทำของเขา ตัวละครอื่นๆ เช่น Ryo Asuka และ Miki Makimura ก็ได้สัมผัสกับการเดินทางอันซับซ้อนของการค้นพบตัวเองเช่นกัน
ตัวบทแสดงให้เห็นถึงมุมอื่นๆของตัวละครที่มีทั้งดีและร้ายในตัวเอง และต่างขับเคลื่อนด้วยความสัญชาติญาณส่วนตัวทั้งสิ้น หนึ่งในฉากสะเทือนใจคือ ตอนที่ทาโรน้องชายของมิกิที่กลายเป็นปีศาจเต็มตัวกำลังกินแม่ของตัวเอง และพ่อมาพบเข้าตัว ทาโรเองก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ทำแบบนั้นลงไปไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เขาไม่สามารถห้ามสัญชาติญาณอยากกินมนุษย์ของตัวเองได้
เพลงประกอบที่น่าประทับใจ: อนิเมะมีเพลงประกอบที่ทรงพลังและหลากหลายซึ่งช่วยเติมเต็มช่วงเวลาที่เข้มข้นและสะเทือนอารมณ์ของเรื่องราว ดนตรีครอบคลุมแนวเพลงที่หลากหลาย เช่น เทคโน แร็พ และร็อค ช่วยเพิ่มบรรยากาศโดยรวมและเพิ่มความลึกให้กับการเล่าเรื่อง
ซีรีส์นี้ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อหาที่โจ่งแจ้ง เนื้อหามีความรุนแรง เลือดสาด และฉากทางเพศที่ค่อนข้างมีความรุนแรง ซึ่งมักจะท้าทายความรู้สึกของผู้ชม องค์ประกอบเหล่านี้ใช้เพื่อเน้นธรรมชาติที่มืดมนของเรื่องราว
ซีรีส์เรื่องนี้ สะท้อนแนวคิดของเส้นบางๆ ระหว่างความดีและความชั่ว มนุษย์กับปีศาจ มันทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของความเป็นมนุษย์และศักยภาพของความมืดที่ฝังลึกในตัวตนของแต่ละคน
Devilman Crybaby” ได้รับความสนใจอย่างมากและจุดประกายให้เกิดการพูดคุยนับตั้งแต่เปิดตัวทาง Netflix ในปี 2018 ได้รับการยกย่องในเรื่องการเล่าเรื่องที่กล้าหาญ การสำรวจประเด็นที่ซับซ้อน และวิสัยทัศน์ทางศิลปะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเนื้อหาที่โจ่งแจ้ง ซีรีส์นี้จึงเป็นประเด็นถกเถียงและโต้เถียงกันในความเหมาะสมของเนื้อหาอยู่ไม่น้อย
อนิเมะน่าดู เรื่องนี้โดดเด่นและน่าจดจำในแนวอะนิเมะที่มีความแปลกใหม่ ที่นำเสนออย่างตรงไปตรงมา สามารถดึงดูดผู้ชมด้วยการเล่าเรื่องที่ตีแผ่ในด้านมืด มีการกระตุ้นความคิด และการดำเนินเรื่องอย่างโหด ภายใต้ความรุนแรงเลือดสาด
สรุปภาพรวม
จุดเด่น
เนื้อเรื่องมีความดิบเถื่อน ที่แสนจะสุดโหดจริงๆในฉากต่อสู้
มีการสะท้อนถึงด้านมืดของมนุษย์ได้อย่างดีและมีความเป็นธรรมชาติ
ในด้านของเนื้อหาที่มีความพีคมีการหลอกคนดูอย่างแนบเนียน
จุดด้อย
เนื้อหามีความกระชับเกินไป โดยไม่ได้มีการปูพื้นฐานตัวละคร
ภาพที่มีการเผาบ้าง
ในแง่ของตัวละคร ฝั่งร้ายจะไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่