รีวิว มหาศึกคนชนเทพ ss.2 กลับมาอีกครั้งพร้อมความมันส์ฉบับคุณภาพ สวัสดีครับ อนิเมะเรื่อง ศึกคนชนเทพ หลังจากที่ผมสวดยับไปแล้วในซีซั่นแรก ผมคิดว่าจะไม่ดูต่อแล้วนะครับ ตอนแรกผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากทำลายภาพจำดีๆของมังงะไป แต่เห็นกระแสจากสื่อที่ออกมาในเชิงที่เรียกว่าค่อนข้างจะบวกอยู่พอสมควร ผมเลยคิดว่ามาลองกันอีกสักทีดีกว่า อีกส่วนหนึ่งที่ผมอยากดูก็เพราะชื่นชอบคู่ต่อสู้ที่กำลังจะมาในช่วงนี้ด้วย เดากันได้ไหมครับว่าเป็นคู่ไหน เดี๋ยวเราจะมีการพูดถึงฉากต่อสู้ในซีซั่นนี้ด้วย ดังนั้นคลิปนี้ก็อาจมีการสปอยบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับบอกว่าใครแพ้ใครชนะนะครับ โดยจะบอกหลังจากเล่าภาพรวมของอนิเมชั่นเสร็จแล้วล่ะกัน Record of Ragnarok season 2 ในความคิดของผมเป็นยังไง จะดีขึ้นจริงหรือเปล่า เราไปอ่านกันเลยครับ ดูอนิเมะ
หลังจากดู มหาศึกคนชนเทพ Record of Ragnarok season 2 จบ คำตอบของมันก็คือใช่ครับ ภาคนี้ดีขึ้นจริงๆ นี่คงเป็นสิ่งที่ผมยืนยันได้เกี่ยวกับมหาศึกคนชนเทพภาคใหม่นี้ แต่ในบริบทไหน ถ้ายังจำกันได้ผมเคยบอกไปแล้วในคราวก่อน ซึ่งความโด่งดังและความน่าสนใจของภาคนี้ ระดับของมันควรจะอยู่ตรงไหน แต่หลังจากดูซีซั่น 1 ไปแล้ว ทุกอย่างพังหมดครับ ทั้งความคาดหวังและความอยากดูมันหายไปหมดแล้ว ดังนั้นการดูซีซั่น 2 ของผม เราจึงไม่คาดหวังอะไรเลย อันนี้ต้องบอกกันไว้ก่อนครับ
งานภาพสวยงาม ออกแบบได้อย่างสมจริง แก้ไขจุดบกพร่องจากภาคแรกจนหมด รีวิว มหาศึกคนชนเทพ ss.2
มาเริ่มกันที่งานภาพ ตรงส่วนนี้ผมคิดว่าดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 5 ตอนแรก การต่อสู้ระหว่างแจ็คกับเฮอร์คิวลิส ตอนแรกผมค่อนข้างกังวลกับคู่นี้มากเลยจากการเคยอ่านมังงะมาก่อน เราพอรู้ว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นนักสู้ที่มีลูกเล่นเยอะ โดยเฉพาะการเล่นกับอุปกรณ์และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ถ้าการต่อสู้สไตล์นี้ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยงานภาพแบบพาวเวอร์ พอยต์ มันคงดูไม่จืดแน่นอนครับ แต่ Record of ragnarok ภาคนี้ทำได้ออกมายอดเยี่ยมครับ ฉากต่อสู้ไม่ดูตลกแล้วครับ แม้ว่ามันอาจจะดูนิ่งๆไม่ต่อเนื่องเหมือนพวกอนิเมชั่นระดับ SSS แต่ก็ไม่ถึงขั้นน่าเกลียดแบบเป็นสไลด์มาต่อๆกันเหมือนซีซั่นที่แล้วอย่างแน่นอน แถมยังมีลูกเล่นและมุมกล้องฉากเท่ๆให้เราได้ฟินกันด้วย จังหวะปะทะอาจไม่ได้ต่อเนื่องลากยาวแบบไฮเปอร์ไดนามิก
แต่หนังก็เข้าใจใช้ทริกหลอกตาต่างๆที่ทำให้มันดูหนักแน่นขึ้นมาได้ ผมต้องยอมรับว่าชอบอยู่เหมือนกัน แต่ก็น่าเสียดายพอเรื่องราวดำเนินไปถึงคู่ที่สอง งานภาพในส่วนที่เป็นรูปแบบการต่อสู้บนสังเวียน ผมรู้สึกว่าคุณภาพมันดร็อปลงไปอีก มันให้ความรู้สึกคล้ายกับของเดิมอยู่พอสมควร แม้การวางภาพและฉากจะทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่นิ่งมาก แต่ถ้าหากคิดดีๆรูปแบบของมันก็เหมือนซีซั่นที่ 1 นั่นแหละครับ พอเห็นแล้วก็แอบหวั่นใจเหมือนกันว่าคู่ถัดไปก็น่าจะเป็นทรงนี้
เรามาพูดถึงเรื่องอื่นนอกเหนือจากการต่อสู้กันบ้างดีกว่าครับ ในซีซั่นนี้ก็ยังมาสไตล์เดิมๆ สู้นิดหน่อยแต่ย้อนอดีตโคตรนาน กลับไปสู้อีกนิดหน่อยแล้วก็ย้อนอดีตที่นานกว่าเดิม หลายๆคนก็น่าจะเกลียดการเล่าแบบนี้จนเข้าไส้ไปเลยครับ ซึ่งผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ภาคนี้ก็ต้องยอมรับว่าทั้งตัวเรื่องราวและฉากเล่าเรื่อง ก็ดูจะตั้งใจและก็มีคุณภาพมากกว่าเดิม คงต้องบอกว่าพอจะกล้อมแกล้มไปได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญมากนัก และเรื่องราวของแจ็คมันก็น่าติดตามจริงๆนั่นแหละครับ
การต่อสู้สุดมันส์พร้อมกับพล็อตเรื่องที่น่าติดตาม
เรามาพูดถึงการต่อสู้กันหน่อย คู่แรกคือตัวแบกซีรีย์นี้ไว้จริงๆเลยนะครับ เมื่อแจ็ค เดอะริปเปอร์ พอกับ เฮอคิวลิส สองยอดนักสู้ที่มีรูปแบบต่างกันสุดขั้ว อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฆาตกรจอมปลิ้นปล้อนหลอกลวงกับฮีโร่แสนซื่อ ที่พร้อมจะวิ่งเข้าไปหน้าชกกันอย่างเดียว เป็นการต่อสู้ที่ดีมากๆครับ สำหรับผมที่อ่านมังงะไปไกลแล้วยังคิดว่า คู่นี้ต่อสู้ได้มันส์ที่สุดอยู่เลยครับ นั่นเพราะสเกลพลังของตัวละครมันต่างกันมากจริงๆ สมกับเป็นการต่อสู้ของมนุษย์และเทพ แม้แจ็คจะได้พลังจากเวอร์รุนแล้วก็ตาม ถ้าเข้าบวกตรงๆก็คงโดนทุบเละเป็นเศษเนื้อภายใน 20 วินาที แบบนี้สิครับ มันถึงจะเหมือนกับมนุษย์สู้กับเทพ ไม่ใช่แบบคู่หลังที่ผมดูทีไรก็ขำแทบตายครับ แต่ว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาคุยกัน ตอนนี้ขอคุยเรื่องแจ็คก่อน
มีสิ่งหนึ่งที่ตัวละครนี้ทำให้ผมชอบมาก นั่นก็คือการหลอกลวงครับ มันหลอกซ้อนหลอกแล้วก็หลอกอีกที ทั้งหมดเขาทำเพื่อให้ตัวเองนั้น พอจะสามารถต่อกรกับเฮอคิวลิสได้อย่างสูสี เหมือนเป็นการตบหน้าการ์ตูนบางเรื่อง ที่จะใช้ท่าอะไรก็ต้องประกาศชื่อท่า ประกาศไม่พอยังอธิบายความสามารถอย่างละเอียดอีก ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะทำไปเพื่ออะไรเหมือนกันครับ ผมไม่ได้หมายถึงการ์ตูนยมทูตชื่อย่อบรีชแต่อย่างใดนะครับ การต่อสู้คู่แรกมันถึงสนุกและมีเซอร์ไพรส์ตลอดเวลาเพราะว่าวิธีการเล่าแบบนั้น
มวยคู่แรก แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ปะทะ เฮอคิวลิส สุดมันส์สมเป็นคู่เอก
เรื่องราวส่วนตัวของแจ็คเองก็น่าสนใจ ตัวเรื่องไม่ได้ปฏิเสธการเป็นฆาตกรเลือดเย็นของเขา แต่แจ็คยังเป็นคนชั่วช้าที่ไม่สามารถให้อภัยได้เหมือนเดิม แต่ก็แสดงเส้นทางว่ากว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้นั้น เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง แนวคิดและมุมมองเป็นแบบไหน มันน่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อเข้าไปร่วมบทกับเฮอคิวลิสซึ่งดูจะตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ภายใต้หน้ากากวีรบุรุษเขาไม่ได้แค่มีกล้ามโตแต่ไร้สมองเอาแต่เท่ห์เพียงอย่างเดียว ฮีโร่แห่งกรีกคนนี้มีมิติในการลบเหมือนกัน “ข้าจะยอมลดตัวไปเป็นเทพก็ได้” คำพูดนี้บ่งบอกทุกอย่างในตัวของเฮอคิวลิสเอาไว้หมดแล้วครับ บางครั้งเขาก็ยอมทำในสิ่งที่ไม่ตรงกับความถูกต้อง การเป็นตัวแทนเทพในการต่อสู้ของรถครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันครับ
มิติต่างๆของหนังที่พยายามปูทางเอาไว้ นำเราไปสู่ฉากที่เฮอร์คิวลิสพยายามจะทำความเข้าใจและช่วยเหลือแจ็คผู้ชั่วร้าย พอมาถึงจุดนี้เราจะไม่รู้สึกจั๊กจี้จนเกินไป เป็นการต่อสู้ที่ดีจริงๆนั่นแหละครับ ทั้งตัว Selection แล้วก็เรื่องราว จังหวะที่เพลง London Bridge is Falling Down ขึ้นมาเนี่ย ใครขนลุกเหมือนผมบ้างครับ
มวยคู่สอง ศิวะ ปะทะ ไรเด็น ไม่สนุกอย่างที่คิด สมแล้วที่เป็นคู่ประกอบรายการ
มาถึงคู่สองกันบ้างครับ การพบกันระหว่าง ศิวะและไรเด็น ทาเมเอม่อน คู่นี้ผมขำตั้งแต่เวอร์ชั่นมังงะแล้วครับ ก็ขำตรงที่ศิวะนั้นเหมือนมนุษย์ แต่เอม่อนมันต้องเป็นเทพแน่นอนครับ อะไรมันจะอวยได้ขนาดนั้น มาแบบ Last Boss เก่งเวอร์แบบสุดๆ ทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นหนึ่งในเทพสูงสุดของอินเดียเลยนะ เรียกว่า Dod of Westruction เทพแห่งการทำลายล้าง สเกลการต่อสู้มันก็คนละเรื่องอยู่แล้วหรือเปล่า
ทำไมมันดูกระจอกกว่านักสู้พวกนั้นครับ เป็นการออกแบบสเกลที่ชวนงงเหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะครับ นี่มันการ์ตูนญี่ปุ่นผมจะพยายามทำความเข้าใจแล้วกัน
แต่ในฉากการต่อสู้แบบหมัดต่อหมัดในสังเวียนแบบนี้ มันก็เผยจุดอ่อนด้านงานภาพที่กลบไม่มิดของเรื่องนี้นั่นเองครับ ยิ่งเรื่องราวไม่น่าสนใจเหมือนคู่ก่อน อดรีนารีนในตัวมันก็ดร็อปลงไปพอสมควร แถมผมคิดว่าลายเส้นของ ไรเด็น ทาเมเอม่อน ฉบับมังงะมันดูสวยกว่ายังไงก็ไม่รู้ ดูน่ากลัวมีความเป็นยักษ์มากกว่าด้วย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ยังไงก็ขอหยุดเรื่องราวการต่อสู้ไว้ก่อนดีกว่า
ต่อไปเราจะพูดถึงตัวละครอีกตัวนึงอย่างพระพุทธเจ้าครับ นี่คือตัวละครที่เติมสีสันอย่างแท้จริง แม้ว่าจะยังไม่ได้ออกโรงสู้เลยก็ตาม หนังทำออกมาได้เหมือนกับมังงะเลยทีเดียว ถ่ายทอดสีหน้าและก็ความขี้เล่นออกมาได้อย่างสมบูรณ์ รอเหมือนกันว่าเมื่อไหร่เขาจะได้บวก ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิดซีซั่นนี้ยังเหลืออีก 5 ตอนที่จะปล่อยตามมาทีหลัง เราก็น่าจะได้เห็นฉากต่อสู้ของพระศาสดาดอกบัวคนนี้แน่นอนครับ
บอกเลยว่าโคตรโอพี
สรุปภาพรวม มหาศึกคนชนเทพ Record of Ragnorok รีวิว มหาศึกคนชนเทพ ss.2
สรุปกันเลยดีกว่าครับ หากไอโฟนในปีนี้แตกต่างจากปีที่แล้วยังไง มหาศึกคนชนเทพ Record of Ragnarok ทั้งสองภาคก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ เอาจริงๆก็คงจะต่างกันนิดเดียวครับ ไม่รู้ว่าเทียบแบบนี้ คุณพอจะเห็นภาพมั้ย เพราะรูปแบบของมันก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ว่าก็มีการเสริมคุณภาพขึ้นมาในหลายๆจุด มองข้างนอกภาพรวมเหมือนเดิมแต่พอดูจริงจังแล้วมันก็ต่างอยู่เหมือนกันครับ อันนี้เหมือนจะอวดว่าซื้อ iPhone ใหม่มายังไงก็ไม่รู้
อนิเมะภาคนี้ทีมงานได้พัฒนาจากภาคแรกได้สำเร็จ ควรค่าแก่การรอคอย
แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า Record of ragnarok นั้น ตัวเรื่องราวต้นฉบับมันดีอยู่แล้ว แต่ว่าซีซั่น 1 มันแย่จนพาให้ทุกอย่างมันดร็อปลงไป พอแก้ไขตรงจุดนี้ได้ครับความสนุกของมันก็พอจะฉายแสงออกมาบ้าง เปลี่ยนเล็กน้อยแต่ได้ผลอย่างมหาศาลครับ ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ ค่อนข้างสนุกกับซีซั่น 2 อยู่เหมือนกัน เมื่อเทียบกับซีซั่นก่อนที่เรียกว่าสาปส่งกันเลยทีเดียวครับ แต่ส่วนหนึ่งก็คงเพราะความคาดหวังมันน้อยลงมากๆ ก็เข้าสูตรที่ว่าไม่คาดหวังก็เลยไม่ผิดหวังนั่นล่ะครับ
อย่างไรก็ตามถึงหนังจะทำดีขึ้นแต่ก็ยังห่างไกลกับอนิเมชั่นระดับ Top ของวงการอยู่ดี เอาเป็นว่าเปิดใจลองดูอีกครั้งก็คงไม่เสียหายครับ เราคงไม่ได้มีโอกาสเห็นเทพต่างๆซัดปากกับใครบ่อยอย่างแน่นอนครับ รอบนี้ผมให้ 8 เต็ม 10 คะแนน จากพวกเราทีมงานรีวิวอนิเมะครับ ถึงยังไงผมก็อยากชวนให้เพื่อนๆลองดูนะครับ ใครอ่านมาถึงจุดนี้แล้วก็ลองไปดูกันได้ครับ อย่างที่บอกมันสนุกขึ้นแล้วจริงๆ และพวกคุณคือคนพิสูจน์ครับ วันนี้พวกเราขอตัวลาไปก่อนสวัสดีครับ