รีวิว Spider-Man : Across the Spider-Verse ที่สุดของสไปร์เดอร์แมนภาคอนิเมชั่น หากตอนนี้คุณกำลังอยู่ในช่วงเบื่อหนังซุปเปอร์ฮีโร่เอาจริงๆแล้วผมก็เป็นคนนึงที่กำลังรู้สึกเนื่อยๆครับ แต่ถึงอย่างไร SpiderMan across The Spider Verse อนิเมชั่นเรื่องใหม่ของไอ้แมงมุมเรื่องนี้จะมาปลุกเลือดฮีโร่ของคุณที่กำลังเหนื่อยให้กลับมาเดือดพล่านได้อีกครั้ง หากถามว่าผมชอบหนังเรื่องนี้มากแค่ไหนต้องบอกว่าเมื่อปีที่แล้วถ้าสามารถเลือกดูหนังได้เพียงเรื่องเดียวในโรงภาพยนตร์ผมจะเลือกดูท็อปกันมาร์เวอริก และถ้าถามว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันให้เลือกแบบเดียวกัน ก็คงจะเป็น Spider-Man: Across the Spider-Verse นี่ล่ะครับ นี่คือหนังที่ควรค่าเหตุแก่การชมในโรงภาพยนตร์จริงๆ แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น วันนี้จะอธิบายให้ฟังในมุมมองของพวกเราครับ ดูอนิเมะ

รีวิว Spider-Man

อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมไม่ได้ดีแค่งานอาร์ท แต่พล็อตเรื่องก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

 

ความรู้สึกหลังชม Spider-Man: Across the Spider-Verse มันเพลิดเพลินตะลึงชวนลุ้นจนนั่งไม่ติดเบาะทุกความรู้สึกด้านบวกที่จะเกิดขึ้นได้ในการรับชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง มันเกิดขึ้นทั้งหมดครับ ความรู้สึกมันท่วมท้นขนาดนั้นเลย ยากจะบรรยายจริงๆครับในภาคที่2หนังยังคงดำเนินแนวทางต่อจากภาคแรกของ เป็นหนังที่พยายามสมดุลระหว่างงานอาร์ตแบบสวยงามกับฉากแอคชั่นที่ตื่นตาแต่ภาค2 มันพาเราไปไกลกว่านั้นเพราะเราจะได้เห็นเยอะกว่าด้วยความที่ภาคนี้จะก้าวเข้าสู่ความเป็นมัลติเวิร์สอย่างเต็มตัว แต่ละโลกและจักรวาลก็จะมีรูปแบบงานอาร์ตที่แตกต่างกันไปอาจขึ้นอยู่กับมุมมองของแมงมุมในโลกนั้นๆด้วยครับ เช่นดาวเอิร์ท65ของโกรเวนก็จะมาในรูปแบบที่เหมือนวาดด้วยสีน้ำอันนี้ผมก็ไม่ชัวร์ว่ามันใช่หรือเปล่า แต่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นครับ

 

สิ่งที่น่าสนุกไม่ใช่แค่งานอาร์ตเท่านั้นแต่รูปแบบการนำเสนอก็เช่นกัน หากเป็นฉากที่ต้องมีการแสดงอารมณ์ภาพพื้นหลังและสีในโลกขอโกรเวนก็จะเปลี่ยนไปด้วยครับเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจมากครับ บางฉากผมนั่งดูภาพพื้นหลังมากกว่าตัวละครซะอีก แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งและแค่เสี้ยวเดียวของหนังเองครับ หากไปในมิติอื่นอีกก็จะมีรูปแบบที่ต่างกันออกไป เช่นฉากของมายด์ฉากจะมาในโทนภาพวาดการ์ตูนอเมริกันลูกเล่นพวกนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราไปอยู่ในโลกของใคร และหนังเรื่องนี้ก็เป็นการเดินทางข้ามมัลติเวิร์ส เราจะได้เห็นลูกเล่นและรูปแบบที่แตกต่างกันอีกมากมาย นี่ยังไม่นับรวมกับบรรดาไอ้แมงมุมอีกนับร้อยๆตัวที่เราจะได้เห็น แล้วมันก็ดันมีความแตกต่างกันเองซะด้วย ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปโลกของพวกเขาทั้งหมด แต่ว่าพวกเขานั้นนำเอกลักษณ์เฉพาะตัวติดมาด้วยครับ ผมขอไม่สปอล์ยแล้วกันว่าจะมีอะไรบ้าง เพราะว่ามันเยอะมาก ไปตามดูกันเองก็แล้วกันครับ แล้วก็อย่าโดนสปอยกันก่อนก็แล้วกันครับ การเห็นด้วยตัวเองครั้งแรกมันตื่นตาแบบที่สุดแล้ว

รีวิว Spider-Man

รีวิว Spider-Man ภาพสวยจนอยากเชียร์ให้คุณไปดูจอใหญ่ IMAX

 

ผมชมหนังเรื่องนี้ว่าภาพสวยไปหรือยังครับ ถ้ายังก็คงไม่ชมอยู่ดี เพราะว่า Spider-Man: Across the Spider-Verse เรื่องนี้ภาพไม่สวยเลยครับ เพราะมันไปที่ไกลกว่าคำนั้นมากๆ มันชวนตะลึง ชวนฝัน เหมือนว่าเรากำลังเดินอยู่ในนิทรรศการศิลปะมากกว่าดูหนังซะอีก ทุกๆฉากของหนัง พอฉายออกมาผมอยากจะกดหยุดจอภาพแล้วปริ้นลงกระดาษไปแปะที่ห้องเอาไว้ แล้วเอาไปตั้งหน้าจอโทรศัพท์ ไปตั้งเป็นวอลเปเปอร์ในเครื่องพีซี มันประมาณนั้นเลยครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าการดูหนังเรื่องหนึ่งมันจะเป็นได้ขนาดนั้น แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ใครที่สามารถดูโรง IMAX ได้ ต้องขอเรียนเชิญนะครับ รับประกันความคุ้มค่าครับ

 

ช่วงนี้เหมือนผมจะอวย IMAX เยอะจริงๆ แต่ผมว่าการดูจอ IMAX มันเป็นประสบการณ์ดูหนังที่ดีสุดๆครับ โดยเฉพาะกับเรื่องนี้ฉากมันสวยมากๆ ยิ่งจอใหญ่ก็ยิ่งได้เห็นแบบเต็มตา แต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่ความสวยงามแต่อย่างเดียว เพราะอีกเรื่องที่หนังทำได้อย่างโดดเด่นก็น่าจะเป็นการจำลองการเคลื่อนไหวของเหล่าสไปเดอร์แมนได้อย่างน่าตื่นตาที่สุดแล้ว มุมกล้องที่เราเห็นไม่เหมือนการมองเขาอยู่ห่างๆ แต่กลับเหมือนพาคนดูค่อยโหนโจนทะยานไปด้วย ถ้าคิดภาพไม่ออก ก็คล้ายๆกับเทคนิคใน Avatar ที่ดึงคนดูให้มีส่วนร่วมกับการดำน้ำและแหวกไหว้ครับ บางฉากก็พาเราเสียวท้องน้อยอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่กลัวความสูงแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันสนุกมากจริงๆ

รีวิว Spider-Man

ฉากต่อสู้ลื่นไหลอย่างมาก การเคลื่อนไหวของตัวละครออกแบบได้อย่างลงตัวสุดๆ

 

ฉากการต่อสู้เป็นทำได้อย่างลื่นไหล Spider-Man: Across the Spider-Verse โดดเด่นมากในเรื่องใช้ความหลากหลายของตัวละคร แม้พวกเขาจะเป็นสไปเดอร์แมนเหมือนกันแต่ความสามารถต่างกับลิบลับครับ แต่ละตัวละครก็จะใช้รูปแบบของตัวเอง และผู้กำกับก็สื่อสารเรื่องนี้ออกมาได้ชัดเจนครับ ทั้งๆที่มีหลายอย่างวุ่นวายเต็มไปหมด แต่เราก็แยกแยะวิธีการต่อสู้แล้วก็เทคนิคของแต่ละคนได้ง่ายมาก ฉากที่ต้องร่วมมือกันก็ออกแบบมาได้ดี มันมีกลิ่นอายความหวุดหวิด เหมือนจะล้มหรือเหมือนจะแพ้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของหนังอยุ่แล้ว ใครที่ดู Spiderman No Way Home แล้วรู้สึกว่าลีลาของเหล่า Spider มันไม่เต็มอิ่ม ขอเรียนเชิญเรื่องนี้เลยครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่เต็มอิ่มอีก ผมก็ไม่รู้จะแนะนำเรื่องไหนให้ไปดูแล้วครับ

รีวิว Spider-Man

พล็อตเรื่องใช้สูตรเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยความสนุกแบบไม่ต้องบรรยาย

 

ต่อมาขอพูดถึงพล็อตเรื่องกันหน่อย ในภาคที่ 2 นี้ หนังก็ยังใช้สูตรเดิมของสไปเดอร์แมนมาเป็นตัวตั้งต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิต ความรับผิดชอบ การเติบโตและการตัดสินใจ แล้วก็งานที่ต้องเลือก ทุกอย่างที่เราเคยเห็นมาหมดแล้วไม่รู้กี่รอบจากหนังสไปเดอร์แมน ซึ่งจะขอเรียกแนวคิดหรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังแบบนี้ว่า Spider Classic ซึ่งบางครั้งก็ต้องยอมรับว่ามันออกจากโลกสวย ซุปเปอร์ฮีโร่หนักๆไปสักหน่อย แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราหลงรักตัวละครนี้ใช่หรือเปล่า แต่ว่าแนวคิดนี้ก็จะต้องมาต่อสู้กับแนวคิดของ มิเกล โอฮาร่า นี่เป็นตัวละครในสไปเดอร์แมนที่แตกต่างกว่า เขาเป็นผู้ใหญ่ มองในภาพรวมกว้างกว่า มีกรอบความคิดที่ชัดเจน สมแล้วที่เป็นผู้นำขององค์กรนั่นแหละครับ ผมไม่บอกแล้วกันว่าเขาผ่านอะไรมา ทำไมถึงแตกแยกจากพวกพ้อง แต่นี่คือตัวละครที่ผมชอบที่สุดใน  Across the Spider-Verse หนังทำสมดุลออกมาได้ดีมาก มิเกล โอฮาร่า เป็นผู้นำที่เคร่งครัดก็จริง แต่ไม่ใช่แบบเผด็จการสุดโหดร้าย ออกแนวเป็นคนที่ทำสิ่งที่คนอื่นไม่อยากทำมากกว่า ไม่มีใครกล้าทำถูกทำเองก็ได้เป็นตัวละครที่เท่สุดๆครับ แต่ดูแล้วก็จะรู้สึกว่า เขาเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา เป้าหมายและสิ่งที่มิเกลทำนั้นเป็นศูนย์กลางของการเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งในเรื่องก็ยังมีวายร้ายอีกตัวโผล่มาในเรื่องนั่นคือ เดอะ สป็อต คนนี้บอกเลยว่าเด็ดกว่าที่คิด

 

ถ้าเทียบกับทุกตัวเขาเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการที่สุดทั้งความคิดและพลังเรียกได้ว่า Across the Spider-Verse เป็นหนังที่มีการต่อสู้ระหว่าง2แนวคิด และมีการพัฒนาตัวละครที่ดีไปด้วยหนังพยายามบาลานซ์เหตุผลที่ใช้เป็นแรงผลักดันทั้งสองฝ่ายได้ดีพอๆกัน เราไม่สามารถจะเข้าข้างหรือว่าพูดว่าฝ่ายไหนถูกผิดได้อย่างเต็มปากทำให้เรานึกถึงซีรีส์อาร์เคน จากเกมLOLเหมือนกัน ต่างตัวละครก็ต่างมีความขัดแย้งด้านเหตุผลการพูดคุยอาจจะช่วยได้ แต่มีเหตุการณ์มาเป็นตัวบีบ ทำให้ทุกอย่างมันไม่เหลือเวลาที่จะทำความเข้าใจ

 

แม้เรื่องนี้จะเป็นหนังมัลติเวิร์สก็จริง แต่ก็ค่อนข้างตรงไปตรงมาดูง่ายแบบไม่ต้องกังวลตัวหนังอธิบายทุกฉากทุกกฏเกณฑ์ได้อย่างชัดเจน แค่ต้องใช้สมาธินิดหน่อยก็เท่านั้นครับ ประกอบกับข้อมูลค่อนข้างเยอะยังไงก็แนะนำว่าไม่ควรลุกเข้าห้องน้ำเด็ดขาด นอกจากข้อมูลจะเยอะแล้ว คุณอาจจะพลาดภาพสวยๆไปเพราะตอนที่ผมดูมีคุณผู้หญิงคนนึงไปเข้าห้องน้ำในฉากที่มันโคตรสวยเห็นแล้วผมเสียใจแทนเขามากๆเลยครับ ยังไงก็ไม่อยากให้ทุกคนต้องพลาดนะครับ

รีวิว Spider-Man

สนุกอิ่มเอม ภายใต้แบรนด์ซุปเปอร์ฮีโร่ Spider-Man

 

สุดท้ายอยากจะบอกว่าการตีความของภาค Across the Spider-Verse ทำออกมาได้ดีจริงๆ ดูเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ยังไงก็ลองไปตามดูกันได้เลยครับ ไม่รู้ว่าครั้งล่าสุดที่ดูหนังแล้วรู้สึกอิ่มเอมขนาดนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ Spider-Man: Across the Spider-Verse ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆที่ตอนจบมันคาใจพอสมควร แต่กลับรู้สึกว่ามันเต็มอิ่มให้ความรู้สึกตลอดเวลา2ชั่วโมง20 นาทีหนังมอบให้อย่างคุ้มค่า

รีวิว Spider-Man

บทสรุปภาพรวมของ Spider-Man: Across the Spider-Verse

อันที่จริงหนังก็ยังมีจุดให้ชวนสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ก็พอที่จะมองข้ามไปได้ ส่วนการให้คะแนนเมื่อพูดมาขนาดนี้ผมจะให้10เต็ม10หรือเปล่า ไม่หรอกครับเอาเป็นว่า 9.5 + 1แล้วกันนี่คือความรู้สึกของผมที่มีต่อหนักเรื่องนี้ อาจจะไม่สมบูรณ์ทุกแง่มุม แต่หลายๆอย่างที่มอบให้มันเกินความคาดหวังไปไกลแบบสุดๆครับ โดยเฉพาะกับงานภาพที่น่าตื่นตะลึง ลูกเล่นฉากมัลติเวิร์สจากฉากแอคชั่น มีหนังไม่กี่เรื่องหรอกครับที่คุณรู้สึกว่ามันได้ใจแถมยังมันไปพร้อมๆกันได้ขนาดนี้ แต่สไปเดอร์แมนเรื่องนี้ทำได้อย่างสบายๆ ก่อนจากกันไปคอมเม้นท์บอกเราหน่อยว่าคุณเห็นด้วยกับใคร ระหว่างความคิดของมายด์ โมราเรส หรือ มิเกล โอฮาร่า ลองเลือกว่าพวกคุณจะสนับสนุนฝั่งไหนสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูต้องรีบเลยนะครับ มันจะสนุกอย่างที่ผมอวยหรือเปล่า คุณต้องพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองกับSpider-Man: Across the Spider-Verse สไปเดอร์แมนผงาดข้ามจักรวาลแมงมุม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *