รีวิว turbo (2013) การ์ตูน netflix แนะนํา

Turbo กำกับโดย เดวิด โซเรน เล่าเรื่องราวของเจ้าหอยทากเทอร์โบ (ไรอัน เรย์โนลด์ส) ผู้มีความแตกต่างจากหอยทากตัวอื่น เพราะมันเป็นผู้หลงไหลความเร็วและหวังว่าสักวันตัวเองจะเร็วขึ้น พร้อมกับมีความฝันในการเข้าร่วมการแข่งขันอินดี้ 500 กับไอดอลของตัวเอง กาย (บิล ฮาเดอร์) แชมเปี้ยนหลายสมัยของการแข่งขันอินดี้ 500 โดยไม่สนใจฟังคำทัดทานของเชท (พอล เกียแมตติ) ที่ให้เลิกฝันลมๆ แล้งๆ แต่แล้ววันหนึ่งเพราะอุบัติเหตุหรือโชคชะตา ทำให้เทอร์โบได้พลังความเร็วมา และนั่นทำให้มันเริ่มเดินตามฝันของตัวเอง…

จะเห็นว่าเรื่องราวใน Turbo จัดว่าเป็นอนิเมชั่นแนวสูตรสำเร็จเลยก็ว่าได้ กับการที่ตัวละครเอกมีความฝันแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง และก็มีเหตุทำให้ได้พลังหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้เขาสามารถเดินตามฝันได้ และในเมื่อมันเป็นสูตรสำเร็จมันจึงไม่แตกต่างจากอนิเเมชั่นที่เล่าเรื่องประมาณนี้เรื่องอื่นเลย

เจ้าเทอร์โบ (Ryan Reynolds) อาศัยอยู่ในสวนหลังบ้านที่มีมะเขือเทศเป็นอาหารโปรดของทั้งฝูง มันชอบจิ้นอยู่เสมอว่าได้เป็นนักแข่งรถผู้ชนะในสนาม ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เข้าพวกกับใครๆ อย่างยิ่ง ไม่มีใครเห็นสิ่งที่มันทำคือเรื่องปกติ มีเพียง เช็ท (Paul Giamatti) พี่ชายตัวอ้วนๆ ของมันเท่านั้นที่ยังคงพยายามปกป้องมันอยู่ จนวันหนึ่ง…เขาได้พบกับน้องชายของร้านขายอาหารที่ฝันอยากช่วยให้ร้านพี่ชายตนเองและย่านร้านค้าเพื่อนบ้านกลับมาคึกคักอีกครั้ง จึงได้คิดที่จะเอาเทอร์โบไปร่วมลงแข่งรายการแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดในโลก!

สิ่งที่น่าสนใจ และอยากรู้ว่าหนังจะพาเรื่องราวไปอย่างไร กับการที่หอยทากผู้มีพลังพิเศษจะต้องไปเข้าแข่งขันกับมนุษย์ ซึ่งเรื่องราวก็นำพาไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้หอยทากได้เข้าแข่งในแบบที่ดูจะยัดเยียดพอสมควร รวมไปถึงการมีมุมบางอย่างที่ทำให้นึกถึงหนังอนิเมชั่นด้านความเร็วของ การ์ตูน Pixar อย่าง Cars 4 ล้อซิ่ง ซ่าท้าโลก 2021 ขึ้นมา

อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องราวพาไปสู่การแข่งขัน หนังก็สามารถซื้อใจผู้ชมได้สำเร็จกับฉากแข่งรถที่ทำออกมาได้อย่างถึงใจ ที่สามารถสื่อให้เห็นถึงความเร็วและแรงของการแข่งได้เป็นอย่างดี

 งานภาพที่ทำออกมาได้น่าพอใจ

งานภาพในเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจ งาน 3 มิติอยู่ในระดับมาตรฐานของงานอนิเมชั่นทุกวันนี้ แต่ที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นการนำเสนอภาพในระดับสายตาของหอยทาก ซึ่งมุมมองแบบนี้เคยมีมาแล้วอนิเมชั่น epic เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ใช้บ่อยกว่าและทำได้ดีกว่า ส่งผลให้เราอินไปกับมุมมองของตัวละครได้ โดยเฉพาะกับฉากแข่งรถที่ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังแข่งรถอยู่เลยทีเดียว

ถึง Turbo จะใส่รายละเอียดของเทคนิคด้านภาพหรือถ่ายทอดการแข่งขันดีแค่ไหน เดวิด โซเรน ก็ยังไม่ลืมประเด็นที่ผูกไว้ในเรื่องของการเดินทางตามฝัน ที่มีเรื่องของมิตรภาพระหว่างเพื่อนหอยทากและมนุษย์ที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ

และหากมองลึกลงไป Turbo คือ หนังที่ว่าด้วยการปลดแอกตัวเองออกจากกรอบชีวิตเดิมๆ (ที่เราไม่ชอบ) ไปสู่ชีวิตใหม่ที่เราเชื่อว่าดีกว่า ที่อนิเมชั่นใช้คำว่าเดินตามความฝัน! ซึ่ง Turbo พยายามไม่แตะในจุดนี้ (เพราะจะทำให้เรื่องหนักขึ้น) และเล่าเรื่องราวอยู่ในกรอบของอนิเมชั่นที่นำเสนอด้วยภาพ เรื่องราวอันสดใส และจบลงด้วยความงดงาม!

รีวิว turbo (2013) การ์ตูน netflix แนะนํา หนังเรื่องนี้ได้เล่าเรื่องผ่านมุมมองของเทอร์โบซึ่งก็เป็นหอยทาก ทำให้มีมุมมองที่แปลกตาไปบ้างโดยเฉพาะตอนแข่งรถที่มอบประสบการณ์มุมมองของการแข่งรถที่ไม่เหมือนใคร และได้เปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะเรื่องของความพยายาม หากมีความตั้งใจจริงแล้วละก็ ความสำเร็จต้องอยู่ที่นั่น (ถึงแม้ว่าในหนัง ตัวเอกจะได้รับโคตรไอเท็มมาแบบไม่ตั้งใจก็เถอะ)

เรื่องนี้ตัวละครฝ่ายคนมีโดดเด่นเพียงไม่กี่คน หนังโฟกัสไปที่เหล่าหอยทากเสียมากกว่า ซึ่งทั้งเรื่อง เทอร์โบเป็นหอยทากตัวเดียวที่มีพลังพิเศษ นอกนั้นไม่มี แต่ทีมพัฒนาบทก็สร้างสรรค์ให้หอยทากตัวอื่นๆ มีบทเด่นสูงมากจนสามารถจดจำได้ในทันที ซึ่งให้อารมณ์คล้ายกับเหล่าแก๊งแพนกวินในเรื่องมาดากัสก้าร์ เพียงแต่จะไม่ได้เจ้าเล่ห์แบบนั้น

เทอร์โบเป็นหนึ่งในแอนิเมชั่นของดรีมเวิร์คที่ทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับเรื่องที่ผ่านๆ มา ตัวหนังมีส่วนผสมของ Pixar จ๋าลอยมาแต่ไกล และเหมือนเอาเรื่อง Cars ภาคแรก ผสมกับ Ratatouille จนเรียกได้ว่าเหมือนกอปปี้กันมาเลยก็ว่าได้ แต่เพียงตัวละครหลักเป็นหอยทากเท่านั้น

เรื่้องของมุขตลกของหนังและจุดพีคของหนังมีเพียงไม่กี่จุดและทำให้หนังดูเนือยๆ ไปบ้าง แถมตัวหนังออกแนวนิทานเด็กดีจ๋าที่แทบไม่มีเรื่องดราม่าหรือเรื่องโลกสีเทาใดๆ เลย มันคือแอนิเมชั่้นเด็กดีที่เหมาะกับเด็ก แต่ธรรมดามากสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งผิดสเกลกับหนังของดรีมเวิร์คที่ผ่านๆ มาอยู่บ้าง

งานสร้างของเรื่องนี้แม้ว่าทำออกมาสีสันสดใส แต่ต้องยอมรับว่าระดับสเกลงานสร้างก็ยังไม่ยิ่งใหญ่อลังการเมื่อเทียบกับเรื่องอื่น มีสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตเพียงแค่ไม่กี่ฉาก ทำให้เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ดูเล็กไปในทันตา ซึ่งยังดีหน่อยที่เรื่องนี้พอแตกต่างจากเรื่องอื่นบ้าง นั่นก็คือ แทนที่เน้นความสัมพันธ์ระหว่าง พ่อกับลูก เรื่องนี้จะเน้นความสัมพันธ์พี่น้องกันแทน

เทอร์โบเป็นแอนิเมชั่นที่ไม่ได้มาสร้างปรากฎการณ์อะไรใหญ่โตนักเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ของดรีมเวิร์ค และจัดได้ว่าออกมาในระดับธรรมดาไปหน่อย แต่สำหรับผู้ชมวัยเด็กๆ ผู้ที่ชื่นชอบวีดีโอเกมแล้วหละก็ นี่จะเป็นอีกเรื่องที่จะสร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานได้อย่างเห็นได้ชัด และอาจเป็นอีกเรื่องที่แผ่นออกเมื่อไหร่ น้องๆ หนูๆ จะเอามาดูซํ้ากันหลายรอบเลยทีเดียว

– เรื่องนี้ถึงจะชื่อ เทอโบ แต่ก็ไม่มี จ๊ะเทอโบมาร่วมแสดงแต่อย่างใด

– สนุกเพลิดเพลิน แต่ไม่ได้ถึงขนาดฮามาก หรือซาบซึ้งมาก

– เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี กำนันกะปลัดดูฟรีถ้ามีวอยเช่อร์ ควรพาลูกพาหลานไปดูเพราะมีคติสอนใจ และมิตรภาพระหว่างพี่น้อง

– การ์ตูนปีนี้ ชอบสุดยังเป็นเดอะครูสซ์ รองมาคือ Despicable Me 2 ตามมาด้วย Turbo ปิดท้ายตารางด้วย Epic

จุดเด่น–จุดสังเกต

จุดเด่น

– ภาพสีสันสดใส ให้อารมณ์เหมือนวีดีโอเกมจนดึงดูดเด็กๆ

– การเสนอไอเดียของหอยทากที่แปลกใหม่ สร้างสิ่งที่น่าจดจำสำหรับเด็กๆ

– เสียงสุดยอด เร้าอารมณ์มากโดยเฉพาะตอนแข่ง เสียงพากษ์ไทยแจ่มมาก

– มุมมองของหอยทากกับการแข่งรถที่สร้างมุมมองใหม่ๆ ออกมาได้ดี

-จุดสังเกต

– กลิ่นอาย Pixar ลอยมาเต็มๆ จนเหมือนกอปปี้กันมา

– มุขตลกน้อยไปหน่อย จุดพืดมีไม่กี่ฉาก ซึ่งผิดกับสเกลของหนังดรีมเวิร์คที่ผ่านๆ มา

– หนังมีจุดหักมุมแค่เฉพาะตอนไคลแมกซ์เท่านั้น นอกนั้นเดาได้หมดเลยว่าจะเป็นยังไง

– ตัวละครฝ่ายคนบางคนไร้บทบาทจนไม่เห็นเลยว่าช่วงเวลาต่อไปพวกเขาเป็นยังไงต่อ