รีวิว นักรบมนตรา อนิเมชั่นสายเลือดไทยจากผลงานวรรณกรรมรามเกียรติ์ สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน วันนี้ทีมงานรีวิวขอพาเพื่อนๆไปอ่านรีวิวอนิเมะเรื่อง นักรบมนตราตำนาน 8 ดวงจันทร์ อนิเมชั่นสัญชาติไทยฟอร์มยักษ์ที่มีแรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีอย่างรามเกียรติ์ ฟังดูอาจรู้สึกเฉยหรือโบราณนะครับ แต่เมื่อได้เห็นตัวอย่างครั้งแรกก็รู้สึกว่าว้าวมากครับ หนังไม่ได้บอกเล่าตามแบบต้นฉบับ แต่มาแปลกเพราะกลายเป็นโลกอวกาศที่มีนักรบสวมเกราะ เหมือนมีการอวตารร่างมาจากรามเกียรติ์ประมาณนั้นครับ ผมว่าคอนเซฟนี้น่าสนใจมากครับ ดูอนิเมะ
แล้วผมดันเป็นคนที่ชอบเรื่องรามเกียรติ์อยู่แล้ว ตอนเด็กๆผมกับเพื่อนเคยเล่นโขนมาด้วยกันนะครับ พวกเราทั้งคู่เรียนกันคนละที่ แต่ก็มีโอกาสได้ฝึกโขน เพื่อขึ้นแสดงที่โรงเรียนเฉพาะทางแห่งหนึ่ง ตอนนั้นไม่รู้จักกันหรอกแต่ขอขิงหน่อยว่า ตอนเด็กเนี่ยผมเล่นเป็นทศกัณฐ์นะครับส่วนเพื่อนเป็นแค่ยักษ์ตัวประกอบถือธง เราเลยค่อนข้างผูกพันกับรามเกียรติ์ตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ชอบนึกเล่นๆว่าจะเป็นยังไง หากว่าตัวละครในเรื่องโผล่มาในยุคปัจจุบัน คล้ายๆกับอนิเมะเรื่องนี้ แต่จะเป็นในรูปแบบเชิญวิญญาณมาสิงร่าง คงต้องนึกภาพการโอเวอร์โซลของการ์ตูน ชาแมน คิง ดูสิครับ แค่เปลี่ยนจากทาง อาบิดามาลุ มาเป็นหนุมานแทน มันก็น่าจะดูเท่ใช่ไหมล่ะครับ
ด้วยประสบการณ์และความอินที่สั่งส่งมา พอเห็นตัวอย่างของมันตราวอริเออร์หรือวมนตราวอริเออร์ ก็รู้สึกว่ามันได้สานฝันภาพวัยเด็ก ผมเลยตื่นเต้นมากจริงๆที่จะได้ดูภาพยนตร์ในอนิเมชั่นเรื่องนี้จากประเทศของเรา เรื่องราวจะสนุกสมหวังหรือไม่ วันนี้ขอมาแบ่งปันความเห็นของพวกเรากันครับ กับรีวิวนักรบมนตรา ตำนาน 8 ดวงจันทร์ ตามไปอ่านกันเลยครับ
รีวิว นักรบมนตรา เนื้อเรื่องฉบับย่อ นักรบมนตราตำนาน 8 ดวงจันทร์
นักรบมนตราในภาคนี้จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ณ จักรวาลในอีกห้วงมิตินึงที่กำลังเกิดศึกครั้งใหญ่ระหว่างกองทัพขององค์รามอดีตเจ้าชายแห่งอโยเดีย ผู้ที่ถูกช่วงชิงนางสีดาภรรยาสุดที่รักไปโดยฝีมือของทศกัณฐ์ มหาจักรพรรดิผู้ที่ต้องการครอบครองพลังในตัวสีดา ซึ่งเล่าขานกันว่าสามารถกำเนิดหรือยุติทุกสรรพสิ่งได้ในชั่วพริบตา เจ้าชายต้องการจะทวงคืนคนรักกลับมา จึงส่งเหล่าทหารเอกคู่ใจอย่างสุครีพพร้อมด้วยศิษย์ทั้งสาม บุษบา,เวลาและวายุ ออกไปปฏิบัติการ แต่กลับถูกขัดขวางโดยราชาพาลีนักรบวานรที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งแปรพักตร์ไปอยู่กับพวกทศกัณฐ์ หนทางดูจะยากลำบากเหลือเกินเพราะอีกฝ่ายนั้นเก่งกาจถึงขั้นไร้พ่าย พวกเขาจะปฏิบัติการสำเร็จหรือไม่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในรีวิวอนิเมะนักรบมนตราตำนาน 8 ดวงจันทร์
ผมต้องบอกว่า มันตรา วอร์ริเออร์ เป็นอนิเมชั่นที่น่าตื่นตามาก ภาพสวยชวนตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นฉากหลังตัวละคร หากจะให้คะแนนแค่ด้านภาพและดีไซน์ผมคงจะให้ 9-10 คะแนนไปเลย มันสวยขนาดนั้นจริงๆ ชุดนักรบต่างๆเท่อย่างมาก มีรายละเอียดลูกเล่นที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เช่นทศกัณฐ์พอเห็นฉากเปิดตัวแล้วขนลุกซู่เลยครับ มันน่าเกรงขามแบบสุดๆ พอเข้ามาอยู่ในโลกที่เบื้องหลังเป็นอวกาศมีความไซไฟเล็กๆ ยิ่งดูดีเข้าไปกันใหญ่ครับ
เราสามารถแบ่งฉากออกเป็น 2 รูปแบบคือฉากเล่าเรื่องที่ตัวละครเป็นคนแล้วเดินไปบนดวงดาวต่างๆซึ่งมีสภาพแวดล้อมต่างกัน บางดวงดาวก็จะดูมีความเป็นธรรมชาติ มีป่าเขาและสัตว์แปลกๆ เมื่อชมแล้วนึกถึงแพนโดร่าในอวตาร บางดาวก็เหมือนหนังไซเบอร์พังค์ครับ ซึ่งน่าสนใจอย่างมาก การผูกเรื่องราวโดยดัดแปลงจากรามเกียรติ์กลายเป็นรามเกียรติ์เวอร์ชั่นอวกาศ ก็ไม่ได้ดูติดขัดอย่างที่ผมกังวลในตอนแรก หนังรักษาความสมดุลได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษากลิ่นอายของต้นฉบับ แล้วก็ยังใส่อะไรใหม่ๆลงไปด้วย บางอย่างเห็นชัดๆเลยว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหนังดังๆ ถือว่าเป็นกิมมิคเล็กๆที่ดูแล้วก็สนุกดีสำหรับคนที่ดูหนังมาเยอะ
รามเกียรติที่อยู่ในยุคอวกาศล้ำสมัยจะเป็นอย่างไร
ด้านเนื้อเรื่องช่วงแรกอาจมีตั้งคำถามอยู่บ้างว่าหนังจะไปทางไหนกันแน่ แนวคิดแบบไหนกันแน่ที่ตัวเรื่องพยายามจะส่งให้กับคนดู ช่วงแรกมันดูโบราณแล้วก็ทื่อๆไปหน่อย แต่พอดูมาถึงช่วงท้ายก็จะเข้าใจว่า มันคือวิธีการเล่าเรื่องที่ทีมงานต้องการจะให้คนดูได้ตั้งคำถามกับมัน เนื้อเรื่องโดยรวมเอาแค่เฉพาะพล็อตที่มองจากภาพรวมกว้างๆ ผมว่าผ่านฉลุยครับ
ฉากหลักๆส่วนใหญ่ในหนังจะเน้นไปที่การต่อสู้ เท่ากับว่าสู้เยอะมากๆครับ จะมาในรูปแบบสงครามบนอวกาศ ที่มีตัวละครขับยานหุ่นและสวมเกราะเหล็กออกมาสู้กัน แต่บรรยากาศแอบคล้ายกันดั้มเหมือนกันครับ เพียงแต่ในมันตราจะมีความแปลกมากกว่า เหมือนจะคล้ายๆกับมีเวทมนตร์ผสมกับไซไฟ มีการอิงความสามารถของตัวละครในวรรณกรรมเข้ามาผสม ใครที่เคยอ่านเรื่องความสามารถสุดโกงของพาลี ในหนังก็มีให้ดูแบบนั้นเลยครับ หรือว่าจะเป็น สุครีพนายกอง บุตรพระอาทิตย์ ก็ถูกดีไซน์ให้เข้ากับธีมโลกอวกาศเช่นเดียวกัน ไหนจะส่วนอื่นๆ อย่างฉากขี่หุ่นช้างอวกาศไล่หัวศัตรู มันเท่มากเลยครับ ให้ฟิวบอสใหญ่กลางสนามรบ ฉากนี้ตื่นตามากจริงๆครับ
ฉากต่อสู้สุดอลังการ ทีมงานสร้างได้อย่างอลังการไม่แพ้ชาติใดเลย
การปะทะกันระหว่างแม่ทัพของแต่ละฝั่งก็อลังการ แต่ละคนมีท่าประจำตัวและแยกแยะได้ง่ายชัดเจน ต้องบอกว่าภาพ การออกแบบ และพล็อตเรื่องประยุกต์ 3 ส่วนนี้ มันตรา วอริเออร์ ทำออกมาได้อย่างน่าดูชม แต่มันติดที่การนำเสนอนี่ล่ะครับ หนังทำออกมาได้อย่างตะกุกตะมาก เรื่องราวพล็อตเรื่องต่างๆที่น่าสนใจของนักรบมันตรา ต้องบอกว่าเนื้อหาของมันกว้างและยิ่งใหญ่มากครับ ใครที่เคยอ่านรามเกียรติ์มาก็จะรู้ว่า เรื่องราวมันซับซ้อนมากมายขนาดไหน และในนักรบมนตรามันดันซับซ้อนขึ้นไปมากกว่านั้นอีก เพราะมีเรื่องราวของอวกาศทับซ้อนเข้ามา แต่หนังกลับไม่ได้บอกเล่าอะไรให้เราฟังเลยว่า ที่มาที่ไปมันเป็นยังไง ความขัดแย้งต่างๆระหว่างอโยเดียกับกรุงลงกาเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งต้องบอกว่ามันถูกตีความแตกต่างจากต้นฉบับ ไม่ได้มีแค่ฝ่ายดีและฝ่ายเลวแบบชัดๆแล้วครับ มันคล้ายๆกับ ซีรี่ส์อาเขตที่แต่ละฝ่ายนั้นต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ทุกคนสู้เพื่อจุดยืนของตัวเองซึ่งมันยิ่งใหญ่ครับแต่ว่าในหนังใช้เวลาในการบอกเล่าเรื่องราวตรงนี้น้อยมาก นี่ยังไม่รวมกับความสัมพันธ์ของ 3 สหายวายุ เวลาและบุษบาที่สำคัญมากๆ ส่วนนี้หนังก็ไม่ได้เล่าออกมาได้อย่างเพียงพอ มันจะพยายามเน้นไปที่ฉากต่อสู้เป็นหลัก โดยจะเล่าเรื่องราวพวกนี้แทรกเข้ามาในระหว่างการต่อสู้เท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่พออยู่ดี ส่งผลให้ฉากสำคัญที่ควรจะพีค อารมณ์กลับไปไม่ถึง ทั้งๆที่เรื่องเนี่ยมันโคตรจะดาร์กเลย น่าเสียดายตรงจุดนี้เหมือนกันครับ
ฉากต่อสู้ที่เห็นว่าเยอะ ถ้าพูดกันตรงๆมันก็ค่อนข้างยืดเหมือนกัน มีหลายฉากที่เหมือนกับตัวละครต่อยตีกันอย่างไร้ความหมาย ดูแล้วอยากตั้งคำถามว่าทำไมไม่ลงมือให้มันเด็ดขาดกันไปเลย ผมไม่ได้จับผิดนะครับ แต่มันมีแค่ 1-2 ฉากเท่านั้นที่คำถามนี้ในหัว ลองคิดภาพตัวร้ายต่อยตัวเอกให้กระเด็น แล้วก็ยืนหัวเราะวนไปวนมา พอตัวเอกลุกขึ้นยืนก็กลับมาสู้กันต่อ แล้วพูดว่า “แกเนี่ยมันน่ารำคาญจริงๆ” แล้วต่อยกระเด็นอีกครั้งพร้อมหัวเราะแบบตัวร้ายต่อ ทำวนไปแบบนั้นจนกว่าจะถึงช่วงใคลแม็กซที่ต้องเอาจริงซะที ถ้าหากแบ่งเวลาในฉากพวกนี้ไปเล่าเรื่องเพิ่มอีกสักหน่อยน่าจะออกมากลมกล่อมลงตัวมากกว่านี้
ในส่วนเสียงพากย์ นักพากย์ทุกคนทำออกมาได้ดี ฟังเพลินลื่นหูแม้ผมจะคิดว่าเสียงพระรามจะนิ่งไปนิดนึงก็ตาม และผมก็ชอบการเปลี่ยนแปลงของพระลักษณ์ครับ แม้คนจะวิจารณ์เยอะ แต่ผมก็มองว่ามันเป็นสีสันของเรื่อง ขอเรียกว่าเป็นกระสอบทรายแห่งรามเกียรติ์
นางสีดาติดเรทนิดหน่อย อาจไม่ถูกใจคนหัวโบราณ
จุดเล็กๆที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือนางสีดาครับ ไม่ใช่เรื่องเสียงพากย์แน่ๆ เพราะเสียงพากย์ของคุณเบลล่า คมชัดไม่มีที่ติเลยครับ แต่ติดตรงคาแรคเตอร์ดีไซน์ครับ พูดตรงๆนะครับ มันดูยั่วยวนมากเกินไปหน่อย นี่ขนาดพูดในฐานะชายแท้นะครับ ใครที่ตามงานรีวิวผมมานาน ก็จะรู้ว่าสาวๆเรื่องไหนน่ารักเซ็กซี่ผมตามไปอวยหมดครับ แต่ว่าในกรณีตัวละครสีดา ผมคิดว่ามันเกินไปหน่อยครับ เรื่องการนุ่งน้อยห่มน้อยผมเข้าใจไม่ติดอะไรเลย แต่เรื่องขนาดหน้าอกและการเคลื่อนไหวของมัน ให้พูดตรงๆคือมันเบี่ยงเบนความสนใจได้ดีมากครับ แถมขยับทีมีกระเพื่อมด้วย เด้งขึ้นเด้งลงแบบเห็นได้ชัด ผมมองว่าทีมงานจะลงรายละเอียดพวกนี้ทำไมครับ ถ้าคุณลองไปดูก็จะเข้าใจว่ามันเกินไปนิดนึงครับ ตอนผมเห็นแว๊บแรกมันก็ทำให้เราหลุดออกจากหนังได้เลย แล้วตั้งคำถามว่า “เอ๊ะ นั่นมันอะไรนะ” แต่ก็ตามนั้นล่ะครับ หลายๆคนอาจจะชอบ ยังไงก็ลองไปดูแล้วคอมเม้นท์กันมานะครับ
บทสรุปภาพรวม นักรบมนตรา : ตำนาน 8 ดวงจันทร์
คงต้องบอกว่าแม้ผมจะบ่นเยอะ แต่โดยรวมแล้ว นักรบมนตรา ตำนาน 8 ดวงจันทร์ ไม่ใช่หนังที่ไม่สนุก เพราะตลอดเวลา 90 นาทีผมดูไม่เบื่อเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่งานด้านภาพและการออกแบบระดับสุดยอดของมันเมื่อเทียบกับการเล่าเรื่องแล้ว ทำให้เนื้อเรื่องมันดูจืดไปเลยครับ เรื่องราวโลกเบื้องหลังสุดอลังการกว้างใหญ่ไม่เพียงพอที่จะถ่ายทอดออกมาในเวลาอันน้อยนิด แต่ก็ดูเผินๆได้ครับ เหมาะกับการดูทั้งครอบครัวเด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี ผมให้คะแนน 7 เต็ม 10 กับอนิเมชั่นเรื่องนี้ มันเป็น 7 คะแนนที่ชอบมากๆครับ
หนังสานฝันวัยเด็กของผมได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวละครแต่ละตัวดูแล้วต้องบอกว่ามันเท่มากจริงๆ ตัวหนังมีศักยภาพที่จะไปต่อได้ไกล ภาคนี้เหมือนเป็นแค่จุดเริ่มต้น เรียกง่ายๆว่าเป็นภาคศูนย์เลยก็ได้ ซึ่งพูดแบบนี้มันมีภาคต่อใช่ไหม แน่นอนครับ มันมีภาคต่อ และอาจไม่ใช่ภาคเดียวด้วย ต้องรอดูการปล่อยในภาคต่อๆไป
สุดยอดอนิเมะคนไทยที่ทีมงานเราเชียร์ให้คุณชมด่วน
ย้ำอีกครั้งนะครับ คะแนนรีวิวของเราไม่ใช่ทุกสิ่ง สำหรับใครที่อยากดูอนิเมชั่นสนุกๆของไทย ดูตัวละครจากวรรณคดีในอดีตที่มาโลดแล่นในปัจจุบัน ที่สำคัญมันทั้งเท่และไม่เฉย มันตรา วอร์ริเออร์ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน สงครามระหว่างพระรามและกรุงลงกาฉบับอวกาศจะทำให้คุณตื่นเต้นได้หรือไม่ คุณเท่านั้นที่จะเป็นคนตอบ แล้วพบกันใหม่ครับ