รีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่ Jujutsu Kaisen อนิเมะสุดสยองแห่งโรงเรียนไสยเวทย์ สวัสดีครับ วันนี้เราจะมารีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่ อนิเมะสุดเทพแห่งยุคครับ เอาจริงๆแล้วถ้าไม่นับ Attack on Titan จริงๆแล้วก็ไม่อยากเอาไปเทียบหรอกครับเพราะว่ามันเป็นคนละแนวกัน ต้องบอกว่า Jujutsu Kaisan มหาเวทย์ผนึกมารเรื่องนี้อาจเป็นสุดยอดหนังอนิเมะในใจของผมก็ได้ครับ ด้วยธีมเรื่องที่มีความสยอดสยอง ผสมฉากแอคชั่นสไตล์โชแนนที่ดุเดือดเผ็ดมัน บางครั้งก็ทำให้นึกถึงการ์ตูนสมัยเด็กๆอย่าง นูเบย์ มืออสูรล่าปีศาจเลยครับ มันก็มีกลิ่นคล้ายๆกันอยู่บ้าง ดูอนิเมะ
เนื้อเรื่องฉบับย่อของ รีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่
กลับมาที่ Jujutsu Kaisan มหาเวทย์ผนึกมาร กันดีกว่าครับ หลังจากซีซั่นแรกจบไปก็มีฉบับโรงภาพยนตร์ที่ใช้ชื่อว่าภาคเซโล่ เข้าฉายคั่นระหว่างรอซีซั่น 2 ที่มีข่าวว่าจะเริ่มฉายในปีหน้า ก็ตามชื่อของมันเลยครับ เพราะเป็นเรื่องราวของโรงเรียนไสยเวทย์ก่อนที่จะเจอกับ ฮิตาโดริ ยูจิ โดยในภาคนี้จะโฟกัสไปที่ตัวของโอคัตสึ ยูตะ เด็กหนุ่มมัธยมปลายร่างกายบอบบาง ขี้โรค แถมยังมีบุคลิกชวนโดนแกล้งเอามากๆครับ แต่ว่าใครที่มาบูลลี่ยูตะจะต้องประสบกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญอย่างไม่มีสาเหตุ เพราะจะมีอะไรบางอย่างจากเงามืด พุ่งตรงเข้าทำร้ายเหล่าอันธพาลจนบาดเจ็บสาหัส
เรื่องราวนี้ลอยไปถึงหูของโรงเรียนไสยเวทย์ พวกเขาจึงได้ส่งมือดีที่สุดอย่าง โกโจ ซาโตรุ มาตรวจสอบพื้นที่ ก่อนจะพบว่าโอคัตสึนั้นกำลังถูกรังควาญด้วยปีศาจและคำสาปขนาดใหญ่ ชื่อของคำสาปนั้นก็คือโอริโมโตะ ริกะเ พื่อนสมัยเด็ก เธอนี่แหละต้นเหตุของเรื่องราวอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เด็กสาวน่ารักกลายมาเป็นคำสาปสุดสยองขวัญได้อย่างไร ทำไมเธอถึงเกาะติดโอคัตสึอยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มขี้โรคจึงถูกรับเข้ามาโรงเรียนสายเวทย์เพื่อฝึกฝนตัวเองและหาวิธีคลายคำสาปของริกะที่ติดตัวอยู่ เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ติดตามต่อได้ใน Jujutsu Kaisan มหาเวทย์ผนึกมาร
ผมคงต้องบอกว่า ออเดิร์ฟสุดอร่อยแต่ว่าให้น้อยไปหน่อยครับ น่าจะเป็นคำจำกัดความของทีมงานรีวิวที่ให้กับ Jujutsu Kaisan ภาคนี้ มันมีทั้งส่วนที่ผมชอบและไม่ชอบรวมๆกันไป ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้อ่านฉบับมังงะของเรื่องนี้เลยแม้แต่เล่มเดียว เพราะอยากจะเก็บเซอร์ไพรส์ไว้ดูในเวอร์ชั่นอนิเมะอย่างเดียวมากกว่า สาเหตุก็เพราะยุคนี้มันเป็นยุคทองของอนิเมชั่นจริงๆ โดยเฉพาะกับสตูดิโอที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่าง Mebpa Studio ซึ่งก็เป็นเจ้าเดียวกันกับ Attack on Titan นั่นเอง
งานภาพสุดยอดสมคำร่ำลือ ฉากสยดสยองติดตาจนลืมไม่ลง
เรื่องคุณภาพของงานภาพคงจะไม่ต้องกล่าวถึงกันมากมาย เพราะทุกคนคงรู้ฝีมือกันดีอยู่แล้วว่ามันดีขนาดไหน สิ่งที่ผมชอบที่สุดของภาคซีโร่ก็คือ พล็อตเรื่องและตัวละครเพราะทั้งหมดของเรื่องมันเริ่มต้นจาก โอคัตสึ ยูตะ ล้วนๆเลย ความเป็นมาและความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มกับคำสาปของริกะ ที่มาของเรื่องราวนี้มันระดับหนังสยองขวัญชั้นยอดได้เลย แล้วมันก็เป็นจุดเด่นของ Jujutsu Kaisan อยู่แล้วด้วย ในการที่จะบิ้วอัพเรื่องราวที่มืดหม่นและเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ผมน่าจะชอบโอคัตซีมากกว่าอิตาโนริในภาคหลักซะอีก ดูเขาเป็นตัวละครที่มีมิติมากกว่า พลังโคตรเท่ ไหนจะเรื่องของตัวเขาแล้วก็คำสาปอีก การดำเนินเรื่องในซีโร่ก็ดีเช่นเดียวกันครับ เป็นการนำตัวของโอคัตสึเข้ามาผูกกับโรคร้ายและโรงเรียนไสยเวทย์ได้อย่างไร้รอยต่อ เหตุการณ์ต่างๆหลังจากนั้นก็ทำได้น่าสนใจ นำพาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ที่บีบคั้น ดุเดือด เต็มไปด้วยแผนการ แม้หลายๆอย่างจะดูมีช่องโหว่ แต่การเฉลยในตอนท้ายของมันก็ฟังขึ้นและสมเหตุสมผล
จุดเสียของ มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่ Jujutsu Kaisen
อ่านมาถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่า Jujutsu Kaisan ภาคนี้ คงจะดีเลิศไร้ที่ติเลยใช่ไหมครับ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ อย่างน้อยก็สำหรับพวกเราทีมงานรีวิวล่ะกัน การแบ่งบทตัวละครดูเหมือนจะเป็นปัญหาของภาคเซโร่ครับ แล้วทำไมผมถึงใช้คำว่าดูเหมือนล่ะ เดี๋ยวจะมาเฉลยแล้วกันครับ
พวกเราน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า Jujutsu Kaisan มีตัวละครเยอะขนาดไหน เอาเฉพาะแก๊งตัวหลักอย่างโกโจแล้วก็เหล่าแก๊ง 3 สหาย มาคิ แทนด้า และโทเกะ ในเวอร์ชั่นมูฟวี่พวกเขายังเป็นเด็กปี 1 อยู่ เมื่อโอคัตซึเข้าสู่โรงเรียน ก็ต้องมาทำความรู้จักพวก 3 สหาย ซึ่งมันก็เป็นปกติตามบทนั่นแหละครับ ไม่ได้มีอะไรผิดแปลก ถ้ามองในแง่ของพล็อตเรื่องก็เข้าใจครับว่าตัวละครที่เพิ่งเจอกันก็ต้องทำความรู้จักกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ประเด็นก็คือมันไม่สนุกครับ เพราะว่าคนดูทุกคนที่นั่งดูอยู่ในโรงหนัง ผมรับประกันได้เลยว่า ทุกคนรู้จักตัวละครมากกว่าอยู่แล้วครับ พวกเรารู้จักตัวละครทั้ง 3 มาอยู่แล้วในฉบับซีรีส์หลัก ปมต่างๆในใจก็รู้หมดแล้วด้วยซ้ำ พอมาเจอซ้ำอีกอารมณ์มันก็คล้ายๆกับเรากำลังนั่งดูซีซั่น 1 ใหม่อีกรอบ แค่เปลี่ยนตัวละครจากอิตาโดริเป็นพ่อหนุ่มขี้โรคแทน ซึ่งส่วนนี้มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ถ้าหนังจะแบ่งพื้นที่ไปให้ความสำคัญกับริกะและโอคัตซึบ้างครับ
การปูเนื้อเรื่องน้อยไปหน่อย น่าจะทำได้ดีกว่านี้
ผมคิดว่ามันเป็นส่วนที่ควรจะต้องถูกโฟกัสมากกว่านี้อีกเยอะเลยครับ มันเป็นส่วนที่น่าสนใจอย่างแท้จริงของเรื่องนี้ นอกจากการปูเนื้อเรื่องในช่วงต้นแล้ว คำสาปในร่างหญิงสาวน่ารักอย่างเธอก็แทบจะหายจากเรื่องไปเลยครับ กว่าจะโผล่มาอีกทีก็เกือบจะจบเรื่องแล้ว ผมเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นข้อจำกัดใดๆก็ตามที่เธอไม่สามารถโผล่ออกมาได้ แต่เชื่อเถอะครับ ถ้าเกิดว่าอยากจะให้โผล่มาเนี่ย อะไรมันก็โผล่มาได้ทั้งนั้น มันมีแนวทางทำได้อยู่แล้วครับ จะมาเป็นเสียงกระซิบข้างหู มาเป็นความคิด หรือจะคุยกันในฝัน อะไรก็ได้ทั้งนั้นครับ หลายร้อยหลายพันเหตุผลเลยที่จะสามารถทำให้น้ำหนักความสัมพันธ์ของทั้งคู่เนี่ยมันเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่โผล่มาช่วงต้น โผล่มาช่วงท้าย แล้วก็จบไปแบบนั้นครับ เพราะท้ายที่สุดถ้าหากทุกคนยังไม่ลืม Jujutsu Kaisan เป็นเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคน ถ้ามีเวลาให้ทั้งคู่มากขึ้น ผมเชื่อว่าฉากสุดท้ายซึ่งเป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง น่าจะบีบคั้นอารมณ์ได้จนสุดทางมากกว่านี้ เอาง่ายๆเลยก็คือ บทของคู่พระนางน้อยเกินไป โดนคนอื่นแย่งซีนไปจนหมด ไหนจะแฟนเซอร์วิส ไหนจะคนนั้นต้องออกมาฟัน ไหนคนนี้ต้องใช้ดาบ ไหนคนนั้นจะต้องโชว์พลังเต็มไปหมดเลยครับ
ต่อมาจะขอพูดถึงส่วนที่สำคัญที่สุดของการ์ตูนโชนัน นั่นก็คือฉากบู๊นั่นเองครับ มันทำได้ดีไหมสำหรับ Jujutsu Kaisan ก็ต้องบอกว่า พวกเขายังรักษามาตรฐานเดิมได้ครับ ไม่ได้ด้อยไปกว่าอนิเมชั่นที่เราได้เคยดูมาเลย แถมยังมีรายละเอียดที่มากขึ้น เอฟเฟคจัดเต็มสมกับเป็นหนังโรงมากยิ่งขึ้นครับ แต่ทว่าฉากแอคชั่นเหล่านั้นกลับไม่ต่อเนื่องซักเท่าไหร่ครับ โดยเฉพาะฉากไคลแม็กซ์ซึ่งเกิดขึ้นหลายสถานที่ ค ตัวละครก็แบ่งคู่บู๊ซัดกันตามสไตล์โชนัน ทำให้การตัดไปตัดมาระหว่างทางค่อนข้างจะเยอะพอสมควร
และเช่นเคย โอคัตซึ ของเราก็โดนตัดบทบาทออกไปจากจอ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน้อยไปนิดนึง ไม่แน่ใจว่าที่ผมรู้สึกแบบนี้ เป็นเพราะว่าชอบตัวละครนี้มากกว่าคนอื่นหรือเปล่า คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ
บทสรุปภาพรวม รีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่
ถึงช่วงสรุปแล้วครับ และนั่นคือความรู้สึกของผมเกี่ยวกับ Jujutsu Kaisan มันก็เป็นหนังแบบที่เราคุ้นเคย ยังคงความเข้มข้นแล้วก็สนุกดุเดือดอยู่เช่นเคยครับ ความรู้สึกขาดๆเกินๆบางอย่างในหนัง ผมคิดว่ามันไม่ได้เกิดจากการกำกับแต่อย่างใด แต่เป็นแนวทางของมันซะมากกว่า Jujutsu Kaisan Zero นั้นเหมือนเป็นส่วนเสริมที่ตั้งใจทำมาเพื่อให้เราได้ติดตามซีรี่ส์หลักต่อ หรือแม้แต่ทำมาเพื่อคนที่ยังไม่เคยดูภาคหลัก จะได้เปิดใจสัมผัสเรื่องราวเหล่านี้ดูครับ
และมันน่าจะเป็นเหตุผลที่ว่าภาคนี้ หนังมีการปูเรื่องต่างๆนานาเยอะเต็มไปหมด ทั้งๆที่มันเคยเล่าเรื่องราวเหล่านี้ไปแล้วด้วยซ้ำ เราก็เลยเดาว่าเขาน่าจะทำเพื่อคนดูใหม่ๆด้วย เพิ่มฐานแฟนเบสขึ้นไปอีก ตัวเลือกแบบนี้เองก็เหมาะสมกับการทำแบบนั้นครับ ผมขอให้คะแนน 7.8 เต็ม 10 จากพวกเราทีมงานรีวิวอนิเมะครับ
หนังมีเครดิตตอนจบ อย่าเพิ่งรีบลุกไปไหน และช่วยกันเชียร์ภาค 2 ให้มาด่วน
นี่คือระดับความพอใจที่มีต่อหนังเรื่องนี้ครับ สนุกครับดูจบแล้วก็อยากจะดูซีซั่น 2 ต่อแบบอดใจแทบไม่ไหว มันทิ้งปริศนาคาใจหลายอย่างเอาไว้ให้ตามต่อ แล้วตัวหนังมีเครดิตตอนจบด้วยนะครับ อย่าเพิ่งรีบลุกกลับบ้านกันไปซะก่อน อย่าลืมครับว่าการเดินทางของโอคัตสึและคำสาปริกะจะฝากความประทับใจไว้ให้คุณได้หรือเปล่าต้องพิสูจน์ด้วยตาของคุณเองครับ โดยเฉพาะกับใครที่เป็นสาวกของอนิเมชั่นเรื่องนี้ขอบอกว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ